วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Supply Chain Mangement


อ้างอิง

รายวิชา BCS436 การจัดการธุรกิจดิจิทัล

อาจารย์ผู้สอน


 ผศ.ดร.กันยารัตน์   ศรีวิสทิยกุล

คณะผู้จัดทำ


 นายชวิน ทิวะกะรินทร์  
นายจัตตุรงณ์ พูลอ่อน 
นายวิทยา ทองมี เลขที่
       นายฉัตรชนก  บ้อนกระโทก 
 นางสาวหฤทัย รักษาศิริ
 นางสาวนริดา กองเป็ง 


คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ 
สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม


การจัดการห่วงโซ่อุปทาน (SCM: Supply Chain Management)

การจัดการห่วงโซ่อุปทาน เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การไหลเวียนของวัตถุดิบและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานขององค์กรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด


การจัดการห่วงโซ่อุปทานคืออะไร(what is supply chain Mannagement )

การจัดการห่วงโซ่อุปทานเกี่ยวข้องกับการประสานงานและความร่วมมือกันตั้งแต่กระบวนการจากผู้มอบ วัตถุดิบ ไปยังผู้ผลิต ผู้กระจายสินค้า ผู้แทนจำหน่าย จนกระทั้งผู้บริโภค


องค์ประกอบพื้นฐาน 5 ประการของการจัดการห่วงโซ่อุปทาน

1. การวางแผน
กลยุทธ์ของการจัดการห่วงโซ่อุปทาน บริษัทต้องมีแผนการสำหรับการบริหารทรัพยากรทั้งหมดที่ตอบสนองอุปสงค์ของผู้บริโภคสำหรับสินค้าหรือบริการขนาดใหญ่ การวางแผน คือ การพัฒนาชุดของเมทริกเพื่อดูแลห่วงโซ่อุปทานเพื่อให้มันมีประสิทธิภาพ ต้นทุนต่ำลง และมอบคุณภาพและคุนค่าสูงกับลูกค้า
2. แหล่งที่มา
 บริษัทต้องเลือกผู้จัดหาที่น่าเชื่อถืออย่างรอบคอบที่จะมอบสินค้าและบริการที่จำเป็นสำหรับการผลิตสินค้า บริษัทยังต้องพัฒนาชุดของกระบวนการตั้งราคา การส่งมอบและการชำระเงินกับผู้จัดหาและสร้างเมทริกสำหรับการดูแลและการปรับปรุงความสัมพันธ์
3. การผลิต 
เป็นขั้นตอนที่บริษัทผลิตสินค้าหรือบริการ สามารถบรรจุตารางกิจกรรมที่จำเป็นสำหรับการผลิต การทดสอบ การบรรจุและการเตรียมสำหรับการส่งมอบของห่วงโซ่อุปทาน การประเมินระดับคุณภาพ ผลผลิตและกำลังผลิตของคนงาน
4. การจัดส่ง 
เป็นชุดของกระบวนการที่วางแผนสำหรับและควบคุมการขนส่งที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลและการเก็บรักษาสินค้าของผู้จัดหาถึงลูกค้าเดิมเต็มคำสั่งซี้อผ่านเครือข่ายของคลังสินค้า
5. การคืนกลับ 
เป็นขั้นตอนที่มีปัญหาที่สุดโดยทั้วไปในห่วงโซ่อุปทาน บริษัทต้องสร้างเครือข่ายสำหรับการรับสินค้าที่บกพร่องและสินค้าที่จัดส่งเกินและรองรับลูกค้าที่มีปัญหากับสินค้าที่ส่งไป

หลักการ 7 ประการในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน


1. แบ่งประเภทลูกค้าโดยความต้องการในการบริหาร โดยไม่คำนึงถึงอุตสาหกรรมและจัดบริการให้ตรงกับกลุ่มนั้น
2. กำหนดเครือข่ายการขนส่งและให้ความสำคัญกับความต้องการในการบริการและกับการทำกำไรของกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่ได้จัดประเภท
3. ฟังสัญญาณของอุปสงค์ของตลาดและวางแผน การวางแผนต้องยืดขยายสายโซ่ทั้งหมดไปตรวจจับสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงอุปสงค์
4. ทำให้เห็นความแตกต่างของสินค้าที่ใกล้ชิดกับลูกค้าเพราะ บริษัทไม่สามารถจะจ่ายเพื่อคงสินค้าคงคลังเพื่อชดเชยกับการทำนายอุปสงค์ที่ไม่ดี
5. จัดการแหล่งของวัตถุดิบด้วยกลยุทธ์ โดยการทำงานกับผู้จัดหาที่สำค้ญคือ เพื่อลดต้นทุนโดยรวมของการเป็นเจ้าของวัตถุดิบและบริการ
6. พัฒนากลยุทธ์เทคโนโลยีห่วงโซ่อุปทานที่รองรับระดับที่ต่างกันของการตัดสินใจและให้มุมมองที่ชัดจนของการไหลของสินค้า บริการและข้อมูล
7. นำวิธีการประเมินการปฎิบัติงานมาใช้ที่ใช้ กับทุกความเชื่อมโยงในห่วงโซ่อุปทานและประเมินการทำกำไรจริงในทุกขั้นตอน


ระบบโลจิสติกส์คืออะไร ? (What is Logistics)

"โลจิสติกส์ คือ การเคลื่อนย้ายของวัตถุดิบ ข้อมูล หรือเป็นการจัดการเชิงกลยุทธ์ของห่วงโซ่อุปทาน ห่วงโซ่อุปทานเป็นกิจกรรมที่ประสานร่วมมือกันภายในบริษัทและระหว่างบริษัทโดยมีจุดมุ่งหมายเพือสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ซี่งประกอบไปด้วยกระบวนการสรรหาวัตถุดิบ กระบวนการผลิต กระบวนการจัดจำหน่าย และ กระบวนการกำจัดของเสีย รวมทั้งกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้า การกักเก็บสินค้าและข้อมูลต่าง ๆ "
คำนิยามของโลจิสติกส์ค่อนข้างกว้าง โดยปกติแล้วไม่ได้หมายถึงห่วงโซ่อุปทานตลอดทั้งหมด แต่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานโดยเฉพาะในเรื่องของการขนส่งเข้ามาภายในและการขนส่งสินค้าออกไปภายนอกองค์กรหรือไปถึงมือลูกค้า ระบบโลจิสติกส์มีความสำคัญต่อการจัดการห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพ และการจัดการทรัพยากรและถือเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุปทาน


รูปแบบห่วงโซ่อุปทานแบบผลักและแบบดึง (Push and Supply Chain)

รูปแบบการผลักสินค้าไปสู่ลูกค้า คือ การที่ผู้ผลิตสินค้าใหม่ขี้นมาและบ่งชี้กลุ่มเป้าหมาย หลังจากนั้นผู้จัดจำหน่ายก็สรรหาวิธีที่จะขายสินค้าไปยังกลุ่มเป้าหมาย อีกแนวทางหนึ่งคือรูปแบบการดึงลูกค้าเข้าหาสินค้าซี่งมุ้งเน้นความสำคัญไปที่ความต้องการของลูกค้าเป็นหลักและเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าด้วยการทำวิจัยทางการตลาดและร่วมมือทำงานกับผู้จัดส่งวัตถุดิบและลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อพัฒนสินค้าใหม่ ห่วงโซ่อุปทานถูกสร้างขี้นเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้าและเพิ่มคุณภาพของการบริการ

เทคโนโลยีสนับสนุการจัดการห่วงโซ่อุปทาน(Using Technology to Supply Chain Managrment)

1. ในสมัยแรกเริ่ม ช่วงปี คศ.1989-993 ซี่งใช้ระบบการสั่งซื้อสินค้าโดยเป็นการสับเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในขั้นตอนนี้อุปสรรคในการดำเนินงานที่สำคัญคือ เทคโนโลยี2. ประตูการค้าอิเล็กทรอนิกส์ ช่วงปี ค.ศ. 1990-1994 เป็นอีกครั้งที่ใช้ระบบการสั่งซี้อสินค้าโดยการสับเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ แต่เกี่ยวข้องกับฝ่ายต่าง ๆๆ มากขึ้นทั้งภายนอกและภายในองค์กรธุรกิจเอง จุดมุ่งหมายคือการนำห่วงโซ่อุปทานที่เข้าสู้ผู้ผลิต กับห่วงโซ่อุปทานที่เข้าสู่ลูกค้า มาใช้ร่วมกันเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่าย 3. การเคลื่อนไปสู่ธุรกิจค้าขายบนอินเทอร์เน็ต เป็นทางเลือกที่มีต้นทุนต่ำที่นำมาทดแทนการใช้ระบบการสั่งซี้อสินค้าโดยการสับเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แบบดั่งเดิม วัตถุประสงค์แรกของการนำอินเทร์เน็ตมาใช้คือเพื่อทำการสื่อสารกับผู้สรรจัดส่งวัตถุดิบในช่องทางของอินเทอร์เน็ตมากขี้น อย่างที่สองเพื่อให้ลูกค้าใช้ช่องทางการสื่อสารรทางอินเทอร์เน็ตในการสั่งซื้อสินค้า

ประโยชน์ของการจัดการห่วงโซ่อุปทานอิเล็กทรอนิกส์ (Benefit of e-supply chain management)



1. ลดเวลาในการสั่งซื้อและการขนส่งสินค้า
2. ลดต้นทุนการผลิต
3. จัดการกับสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขี้น
4. การคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าทำได้แม่นยำมากขี้น
5. ลดเวลาในการนำเสนอสินค้าใหม่
6. ปรับปรุงกระบวนการหลังการขาย

ระบบสนันสนุนข้อมูลห่วงโซ่อุปทานเข้าสู้ผู้ผลิต (IS-supported Upstream Supply Chain Management)

กิจกรรมหลักของการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่เข้าสู้ผู้ผลิตคือ กระบวนการสรรหาและการจัดส่งสินค้าเข้าสู่องค์กร ระบบข้อมูลถูกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคหลายรายได้นำเทคโนโลยีมาจัดการกับห่วงโซ่อุปทานที่เข้าสู่ผู้ผลิต ระบบสับเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของเทสโก้ช่วยให้ผู้จัดส่งวัตถุดิบเข้าถึงข้อมูลและปรับปรุงข้อมูล

ป้ายระบุข้อมูลสินค้าไปยังลูกค้า (Radio Frequcy Indentification Microchip:RFID)

ป้ายระบุข้อมูล เป็นนวัตกรรมใหม่ในห่วงโซ่อุปทานอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการใช้อย่างกว้างขวาง สามารถนำไปติดกับสินค้าที่อยู่ในคลังสินค้าหรือสถานที่ที่มีการค้าปลีก ด้วยเทคโนโลยีการค้นหาที่สามารถช่วยประเมินระดับสินค้าที่มีอยู่ในคลังสินค้า มันสามารถอ่านค่าได้ในระยะทาง1ถึง6เมตร แต่ยังคงมีหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการใช้ป้ายระบุข้อมูล ที่สามารถสร้างความหายนะให้กับบริษัทได้เช่นเดียวกัน

การจัดการขนส่งไปยังลูกค้า (Outbound Ligistic Management)

ความสำคัญของการขนส่งสินค้าเกี่ยวข้องกับการคาดหวังในการได้รับบริการการขายทางตรงผ่านเว็บไซด์ การขนส่งสินค้าไปยังลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่แสดงให้เห็นว่าธุรกิจได้ให้บริการตามที่สัญญาไว้ในเว็บไซต์ ถ้าในเว็บไซต์ระบุว่าลูกค้าจะได้รับหนังสือภายใน 2 วัน แต่หนังสือส่งถึงลูกค้าช้าไป 2 อาทิตย์ ลูกค้าก็จะไม่กลับมาซี้อสินค้าในเว็บไซต์นั้น
มุมมองที่สำคัญของการขนส่งสินค้าและความสัมพันธ์ที่ส่งผลต่อรายได้ถูกแสดงให้เห็นฝ่านตัวอย่างของอเมซอน การขนส่งของอเมซอนใช้จำนวนเที่ยวในการขนส่งมากซี่งส่งผลให้ต้นทุนสูงขี้น ความท้าทายของบริษัทขนส่งต่าง ๆ คือ การส่งสินค้าตรงเวลาและให้บริการลูกค้าในทางที่ลูกค้าจะสามารถติดตาม ตรวจสอบสถานะของสินค้าทีสั่งออนไลน์ได้ ความท้าทายของบริษัทขนส่งต่าง ๆ คือ การส่งสินค้าตรงเวลาและให้บริการแก่ลูกค้าในทางที่ลูกค้าจะสามารถติดตาม ตรวจสอบสถานะของสินค้าที่ตนเองสั่งซี้อไว้ทางออนไลน์ได้


Supply Chain Mangement

อ้างอิง รายวิชา BCS436 การจัดการธุรกิจดิจิทัล อาจารย์ผู้สอน   ผศ.ดร.กันยารัตน์   ศรีวิสทิยกุล คณะผู้จัดทำ  ...