อ้างอิง
รายวิชา BCS436 การจัดการธุรกิจดิจิทัล
อาจารย์ผู้สอน
ผศ.ดร.กันยารัตน์ ศรีวิสทิยกุล
คณะผู้จัดทำ
นายชวิน
ทิวะกะรินทร์
นายจัตตุรงณ์ พูลอ่อน
นายวิทยา ทองมี เลขที่
นายฉัตรชนก บ้อนกระโทก
นางสาวหฤทัย
รักษาศิริ
นางสาวนริดา
กองเป็ง
คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ
สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
การจัดการห่วงโซ่อุปทาน (SCM: Supply Chain Management)
การจัดการห่วงโซ่อุปทาน
เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การไหลเวียนของวัตถุดิบและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานขององค์กรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
การจัดการห่วงโซ่อุปทานคืออะไร(what is supply chain Mannagement )
การจัดการห่วงโซ่อุปทานเกี่ยวข้องกับการประสานงานและความร่วมมือกันตั้งแต่กระบวนการจากผู้มอบ
วัตถุดิบ ไปยังผู้ผลิต ผู้กระจายสินค้า ผู้แทนจำหน่าย จนกระทั้งผู้บริโภค
องค์ประกอบพื้นฐาน 5 ประการของการจัดการห่วงโซ่อุปทาน
1. การวางแผน
กลยุทธ์ของการจัดการห่วงโซ่อุปทาน
บริษัทต้องมีแผนการสำหรับการบริหารทรัพยากรทั้งหมดที่ตอบสนองอุปสงค์ของผู้บริโภคสำหรับสินค้าหรือบริการขนาดใหญ่
การวางแผน คือ การพัฒนาชุดของเมทริกเพื่อดูแลห่วงโซ่อุปทานเพื่อให้มันมีประสิทธิภาพ
ต้นทุนต่ำลง และมอบคุณภาพและคุนค่าสูงกับลูกค้า
2. แหล่งที่มา
บริษัทต้องเลือกผู้จัดหาที่น่าเชื่อถืออย่างรอบคอบที่จะมอบสินค้าและบริการที่จำเป็นสำหรับการผลิตสินค้า
บริษัทยังต้องพัฒนาชุดของกระบวนการตั้งราคา
การส่งมอบและการชำระเงินกับผู้จัดหาและสร้างเมทริกสำหรับการดูแลและการปรับปรุงความสัมพันธ์
3. การผลิต
เป็นขั้นตอนที่บริษัทผลิตสินค้าหรือบริการ
สามารถบรรจุตารางกิจกรรมที่จำเป็นสำหรับการผลิต การทดสอบ
การบรรจุและการเตรียมสำหรับการส่งมอบของห่วงโซ่อุปทาน การประเมินระดับคุณภาพ
ผลผลิตและกำลังผลิตของคนงาน
4. การจัดส่ง
เป็นชุดของกระบวนการที่วางแผนสำหรับและควบคุมการขนส่งที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลและการเก็บรักษาสินค้าของผู้จัดหาถึงลูกค้าเดิมเต็มคำสั่งซี้อผ่านเครือข่ายของคลังสินค้า
5. การคืนกลับ
เป็นขั้นตอนที่มีปัญหาที่สุดโดยทั้วไปในห่วงโซ่อุปทาน
บริษัทต้องสร้างเครือข่ายสำหรับการรับสินค้าที่บกพร่องและสินค้าที่จัดส่งเกินและรองรับลูกค้าที่มีปัญหากับสินค้าที่ส่งไป
หลักการ 7 ประการในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน
1. แบ่งประเภทลูกค้าโดยความต้องการในการบริหาร
โดยไม่คำนึงถึงอุตสาหกรรมและจัดบริการให้ตรงกับกลุ่มนั้น
2. กำหนดเครือข่ายการขนส่งและให้ความสำคัญกับความต้องการในการบริการและกับการทำกำไรของกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่ได้จัดประเภท
3. ฟังสัญญาณของอุปสงค์ของตลาดและวางแผน
การวางแผนต้องยืดขยายสายโซ่ทั้งหมดไปตรวจจับสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงอุปสงค์
4. ทำให้เห็นความแตกต่างของสินค้าที่ใกล้ชิดกับลูกค้าเพราะ
บริษัทไม่สามารถจะจ่ายเพื่อคงสินค้าคงคลังเพื่อชดเชยกับการทำนายอุปสงค์ที่ไม่ดี
5. จัดการแหล่งของวัตถุดิบด้วยกลยุทธ์
โดยการทำงานกับผู้จัดหาที่สำค้ญคือ
เพื่อลดต้นทุนโดยรวมของการเป็นเจ้าของวัตถุดิบและบริการ
6. พัฒนากลยุทธ์เทคโนโลยีห่วงโซ่อุปทานที่รองรับระดับที่ต่างกันของการตัดสินใจและให้มุมมองที่ชัดจนของการไหลของสินค้า
บริการและข้อมูล
7. นำวิธีการประเมินการปฎิบัติงานมาใช้ที่ใช้
กับทุกความเชื่อมโยงในห่วงโซ่อุปทานและประเมินการทำกำไรจริงในทุกขั้นตอน
ระบบโลจิสติกส์คืออะไร ? (What is Logistics)
"โลจิสติกส์ คือ
การเคลื่อนย้ายของวัตถุดิบ ข้อมูล หรือเป็นการจัดการเชิงกลยุทธ์ของห่วงโซ่อุปทาน
ห่วงโซ่อุปทานเป็นกิจกรรมที่ประสานร่วมมือกันภายในบริษัทและระหว่างบริษัทโดยมีจุดมุ่งหมายเพือสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
ซี่งประกอบไปด้วยกระบวนการสรรหาวัตถุดิบ กระบวนการผลิต กระบวนการจัดจำหน่าย และ
กระบวนการกำจัดของเสีย รวมทั้งกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้า
การกักเก็บสินค้าและข้อมูลต่าง ๆ "
คำนิยามของโลจิสติกส์ค่อนข้างกว้าง
โดยปกติแล้วไม่ได้หมายถึงห่วงโซ่อุปทานตลอดทั้งหมด
แต่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานโดยเฉพาะในเรื่องของการขนส่งเข้ามาภายในและการขนส่งสินค้าออกไปภายนอกองค์กรหรือไปถึงมือลูกค้า
ระบบโลจิสติกส์มีความสำคัญต่อการจัดการห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพ
และการจัดการทรัพยากรและถือเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุปทาน
รูปแบบห่วงโซ่อุปทานแบบผลักและแบบดึง
(Push and Supply Chain)
รูปแบบการผลักสินค้าไปสู่ลูกค้า คือ
การที่ผู้ผลิตสินค้าใหม่ขี้นมาและบ่งชี้กลุ่มเป้าหมาย
หลังจากนั้นผู้จัดจำหน่ายก็สรรหาวิธีที่จะขายสินค้าไปยังกลุ่มเป้าหมาย
อีกแนวทางหนึ่งคือรูปแบบการดึงลูกค้าเข้าหาสินค้าซี่งมุ้งเน้นความสำคัญไปที่ความต้องการของลูกค้าเป็นหลักและเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าด้วยการทำวิจัยทางการตลาดและร่วมมือทำงานกับผู้จัดส่งวัตถุดิบและลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อพัฒนสินค้าใหม่
ห่วงโซ่อุปทานถูกสร้างขี้นเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้าและเพิ่มคุณภาพของการบริการ
เทคโนโลยีสนับสนุการจัดการห่วงโซ่อุปทาน(Using Technology to Supply Chain Managrment)
1. ในสมัยแรกเริ่ม
ช่วงปี คศ.1989-993 ซี่งใช้ระบบการสั่งซื้อสินค้าโดยเป็นการสับเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในขั้นตอนนี้อุปสรรคในการดำเนินงานที่สำคัญคือ
เทคโนโลยี2. ประตูการค้าอิเล็กทรอนิกส์ ช่วงปี ค.ศ. 1990-1994 เป็นอีกครั้งที่ใช้ระบบการสั่งซี้อสินค้าโดยการสับเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
แต่เกี่ยวข้องกับฝ่ายต่าง ๆๆ มากขึ้นทั้งภายนอกและภายในองค์กรธุรกิจเอง
จุดมุ่งหมายคือการนำห่วงโซ่อุปทานที่เข้าสู้ผู้ผลิต กับห่วงโซ่อุปทานที่เข้าสู่ลูกค้า
มาใช้ร่วมกันเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่าย 3. การเคลื่อนไปสู่ธุรกิจค้าขายบนอินเทอร์เน็ต
เป็นทางเลือกที่มีต้นทุนต่ำที่นำมาทดแทนการใช้ระบบการสั่งซี้อสินค้าโดยการสับเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แบบดั่งเดิม
วัตถุประสงค์แรกของการนำอินเทร์เน็ตมาใช้คือเพื่อทำการสื่อสารกับผู้สรรจัดส่งวัตถุดิบในช่องทางของอินเทอร์เน็ตมากขี้น
อย่างที่สองเพื่อให้ลูกค้าใช้ช่องทางการสื่อสารรทางอินเทอร์เน็ตในการสั่งซื้อสินค้า
ประโยชน์ของการจัดการห่วงโซ่อุปทานอิเล็กทรอนิกส์ (Benefit
of e-supply chain management)
1. ลดเวลาในการสั่งซื้อและการขนส่งสินค้า
2. ลดต้นทุนการผลิต
3. จัดการกับสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขี้น
4. การคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าทำได้แม่นยำมากขี้น
5. ลดเวลาในการนำเสนอสินค้าใหม่
6. ปรับปรุงกระบวนการหลังการขาย
ระบบสนันสนุนข้อมูลห่วงโซ่อุปทานเข้าสู้ผู้ผลิต
(IS-supported Upstream Supply Chain Management)
กิจกรรมหลักของการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่เข้าสู้ผู้ผลิตคือ
กระบวนการสรรหาและการจัดส่งสินค้าเข้าสู่องค์กร
ระบบข้อมูลถูกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์
ผู้ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคหลายรายได้นำเทคโนโลยีมาจัดการกับห่วงโซ่อุปทานที่เข้าสู่ผู้ผลิต
ระบบสับเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของเทสโก้ช่วยให้ผู้จัดส่งวัตถุดิบเข้าถึงข้อมูลและปรับปรุงข้อมูล
ป้ายระบุข้อมูลสินค้าไปยังลูกค้า (Radio Frequcy Indentification Microchip:RFID)
ป้ายระบุข้อมูล เป็นนวัตกรรมใหม่ในห่วงโซ่อุปทานอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการใช้อย่างกว้างขวาง สามารถนำไปติดกับสินค้าที่อยู่ในคลังสินค้าหรือสถานที่ที่มีการค้าปลีก ด้วยเทคโนโลยีการค้นหาที่สามารถช่วยประเมินระดับสินค้าที่มีอยู่ในคลังสินค้า มันสามารถอ่านค่าได้ในระยะทาง1ถึง6เมตร แต่ยังคงมีหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการใช้ป้ายระบุข้อมูล ที่สามารถสร้างความหายนะให้กับบริษัทได้เช่นเดียวกัน
การจัดการขนส่งไปยังลูกค้า (Outbound Ligistic Management)
ความสำคัญของการขนส่งสินค้าเกี่ยวข้องกับการคาดหวังในการได้รับบริการการขายทางตรงผ่านเว็บไซด์ การขนส่งสินค้าไปยังลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่แสดงให้เห็นว่าธุรกิจได้ให้บริการตามที่สัญญาไว้ในเว็บไซต์ ถ้าในเว็บไซต์ระบุว่าลูกค้าจะได้รับหนังสือภายใน 2 วัน แต่หนังสือส่งถึงลูกค้าช้าไป 2 อาทิตย์ ลูกค้าก็จะไม่กลับมาซี้อสินค้าในเว็บไซต์นั้น
มุมมองที่สำคัญของการขนส่งสินค้าและความสัมพันธ์ที่ส่งผลต่อรายได้ถูกแสดงให้เห็นฝ่านตัวอย่างของอเมซอน
การขนส่งของอเมซอนใช้จำนวนเที่ยวในการขนส่งมากซี่งส่งผลให้ต้นทุนสูงขี้น
ความท้าทายของบริษัทขนส่งต่าง ๆ คือ
การส่งสินค้าตรงเวลาและให้บริการลูกค้าในทางที่ลูกค้าจะสามารถติดตาม
ตรวจสอบสถานะของสินค้าทีสั่งออนไลน์ได้ ความท้าทายของบริษัทขนส่งต่าง ๆ คือ
การส่งสินค้าตรงเวลาและให้บริการแก่ลูกค้าในทางที่ลูกค้าจะสามารถติดตาม
ตรวจสอบสถานะของสินค้าที่ตนเองสั่งซี้อไว้ทางออนไลน์ได้